เมืองพาลุกากรภูมิ
Wednesday, February 8, 2017
Wednesday, February 1, 2017
บ้านพาลุกาสมัยก่อตั้ง
ข้อเขียนต่อไปนี้ เขียนและบันทึกโดย อาจารย์ ปรีชา ทองบพิตร เพื่อนำเรื่องรวาเกี่ยวกับบ้านพาลุกา ให้ผู้สนใจได้ทราบและเห็นความสำอดีตที่สำคัญของเมือง ที่มีความเป็นมาตั้งอต่ในอดีต กระผมขออนุญาตนำข้อเขียนต่างๆ ผ่าน Blog นี้ เพื่อการเรียนรู้ของนักศึกษาวิทยาลัยชุมชน และผู้สนใจโดยทั่วไป ประกอบกับ ขณะนี้ วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร ได้ดำเนินการโครงการจัดการความรู้เกี่ยวกับ "เมืองพาลุกากรภูมิ และความเกี่ยวพันธ์และความสำคัญของ ท่านหนูฮัก พูมิสะสวัน อดีตประธานประเทศ ของ สปป.ลาว ข้อมูลที่ได้รับจึงมีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว
เมื่องพาลุกากรภูมิ ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านพาลุกา อยู่ในเขตตำบลชะโนด อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ประชากรบ้านพาลุกา เป็นชาวไทยอีสาน สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษไทยในถิ่นไทยเดิม ต่อมาได้อพยพลงมาทางใต้ตามลำดับ จากเมืองไร่ เมืองปรุง บ้านนำน้อยอ้อยหนู ลงมาตามลำแม่น้ำโขง ครั้นถึงพุทธสตวรรตที่ ๒๓ เมื่อครั้งราชอาณาจักรล้านช้างได้เสื่อมอำนาจลง
เมื่องพาลุกากรภูมิ ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านพาลุกา อยู่ในเขตตำบลชะโนด อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ประชากรบ้านพาลุกา เป็นชาวไทยอีสาน สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษไทยในถิ่นไทยเดิม ต่อมาได้อพยพลงมาทางใต้ตามลำดับ จากเมืองไร่ เมืองปรุง บ้านนำน้อยอ้อยหนู ลงมาตามลำแม่น้ำโขง ครั้นถึงพุทธสตวรรตที่ ๒๓ เมื่อครั้งราชอาณาจักรล้านช้างได้เสื่อมอำนาจลง
Saturday, January 28, 2017
รู้จัก...เมืองพาลุกากรภูมิ
เมืองพาลุกากรภูมิ เป็นเมืองขึ้นของเมืองมุกดาหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๐๙ คือบริเวณอำเภอหว้านใหญ่ ในปัจจุบันคำว่า พาลุกา มาจากคำว่า พาลกะ ในภาษาบาลี แปลว่า ทราย
ในปี พ.ศ.๒๔๐๘ เจ้าเมืองมุกดาหาร พยายามที่จะขยายอาณาเขตเมืองมุกดาหารที่ครอบคลุมทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง (รวมแขวงสุวรรณเขตของลาว) จนจดแดนญวน เพื่อทดแทนนครเวียงจันทน์ซึ่งเป็นเมืองร้าง เจ้าเมืองมุกดาหารซึ่งขอพระราชทานตั้งเมืองใหม่อีกเมืองหนึ่ง โดยแยกอาณาเขตเมืองมุกดาหาร ตั้งแต่ห้วยบังทราย (บางทราย) ขึ้นไปทางเหนือจนถึงลำน้ำก่ำ จึงได้รับโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองพาลุกากรภูมิ แต่ได้ตั้งเมืองเหนือบ้านบางทรายขึ้นไปคือ บริเวณบ้านพาลุกา อำเภอหว้านใหญ่ ในปัจจุบัน และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ ท้าวทัต บุตรราชวงษ์ (ทัง) จากเมืองมุกดาหารเป็น พระอมรฤทธิราช เจ้าเมือง ขึ้นกับเมืองมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๙
ในปี พ.ศ.๒๔๐๘ เจ้าเมืองมุกดาหาร พยายามที่จะขยายอาณาเขตเมืองมุกดาหารที่ครอบคลุมทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง (รวมแขวงสุวรรณเขตของลาว) จนจดแดนญวน เพื่อทดแทนนครเวียงจันทน์ซึ่งเป็นเมืองร้าง เจ้าเมืองมุกดาหารซึ่งขอพระราชทานตั้งเมืองใหม่อีกเมืองหนึ่ง โดยแยกอาณาเขตเมืองมุกดาหาร ตั้งแต่ห้วยบังทราย (บางทราย) ขึ้นไปทางเหนือจนถึงลำน้ำก่ำ จึงได้รับโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองพาลุกากรภูมิ แต่ได้ตั้งเมืองเหนือบ้านบางทรายขึ้นไปคือ บริเวณบ้านพาลุกา อำเภอหว้านใหญ่ ในปัจจุบัน และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ ท้าวทัต บุตรราชวงษ์ (ทัง) จากเมืองมุกดาหารเป็น พระอมรฤทธิราช เจ้าเมือง ขึ้นกับเมืองมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๙
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๐ บาทหลวงชาวฝรั่งเศสจากกรุงเทพ ฯ ซึ่งถือว่าเป็นสังฆราชของคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิค ได้สั่งให้บาทหลวงสองคน ทำการเผยแพร่ศาสนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้จัดตั้งวัดในศาสนาคริสต์ขึ้นเป็นวัดแรก ที่บ้านบุ่งกระแทว เมืองอุบล ฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๒๔ และต่อมาได้ขยายวัดในศาสนาคริสต์ตามหัวเมืองในลำน้ำโขง ที่เมืองเขมราฐ มุกดาหาร นครพนม และสกลนคร บาทหลวงซาเวียร์ เกโด้ ได้ตั้งวัดศาสนาคริสต์ริมฝั่งแม่น้ำโขงที่บ้านสองคอน เขตเมืองพาลุกากรภูมิ ซึ่งขึ้นกับเมืองมุกดาหาร บรรดาพวกทาสที่ถูกปลดปล่อยจากเมืองมุกดาหาร ซึ่งส่วนมากเป็นพวกข่า ผู้เทิง และพวกที่สังคมกล่าวหาว่าเป็น ฉมบ (ผีปอบ ผีกระสือ) ได้ไปพึ่งพาอาศัยและเข้ารีตอยู่กับบาทหลวงเป็นจำนวนมาก
ทางเจ้าเมืองมุกดาหารได้มีใบบอกไปทางกรุงเทพ ฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๙ มีความว่าเจ้าเมืองท้าวเพี้ยหัวเมืองลาวตะวันออก ประพฤติการณ์ไม่เป็นยุติธรรมพากันไปกดขี่คุมเหง จับข่ามาเป็นทาสใช้สอยอยู่ตามบ้านเรือน เป็นที่ติเตียนแก่คนต่างประเทศ และได้มีท้องตาประกาศบรรดาเจ้าเมืองท้าวเพี้ย หัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก ห้ามไม่ให้ไปกดขี่คุมเหง จับไพร่ข่ามาซื้อขายใช้สอยการงานที่บ้านเรือน แต่ทาสเดิมที่ได้ซื้อหามาแต่เดิม ก็ให้คงอยู่ตามพระราชกำหนดกฎหมาย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๙ ทาสเดิมที่ได้ออกเงินไถ่ไว้ใช้สอยมาแต่ก่อน พากันกำเริบหลบหนีไปจากเจ้าเบี้ยนายเงิน ไปอยู่กับบาทหลวงฝรั่งเศสเป็นอันมาก
ทางกรุงเทพ ฯ ได้มีท้องตราราชสีห์ มาถึงเมืองมุกดาหาร มีความว่าได้รับใบบอกแล้ว และได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล ฯ มีพระบรมราชโองการ ฯ สั่งว่า ซึ่งบาทหลวงยกพระราชกำหนดกฎหมายเป็นหลักฐานในถ้อยคำ ไม่ดื้อดึงเป็นอย่างอื่นแล้วนั้น ก็เป็นการดี ควรต้องผ่อนผันพิพากษาตัดสินตามกฎหมายอย่างธรรมเนียมในกรุงเทพ ฯ จึงจะเป็นการเรียบร้อยโดยยุติธรรม ตัวทาสนั้นคงให้เป็นไพร่พลเมืองใช้ในราชการต่อไป ถ้าเป็นทาสขายตัวเอง ฤาบิดามารดาขาย และเป็นเชลยตีทัพมาเกิด ลูกทาสลูกเชลยในเรือนเบี้ย ต้องไถ่ตัวให้นายเงินตามเงินที่ซื้อขาย และเกษียณอายุลูกทาส ลูกเชลย ตามข้อพระราชบัญญัติ และพระราชกำหนดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.๒๔๓๓ พระอมรฤทธิธาดา (ทัด) เจ้าเมือง ป่วยเป็นโรคชรา ถึงแก่กรรม ได้โปรดเกล้า ฯ ให้อุปฮาด (กุ) เป็นพระอมรฤทธิธาดา เจ้าเมืองพาลุกากรภูมิ แทน และได้ถึงแก่กรรม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐
พ.ศ.๒๔๔๒ ยุบเมืองพาลุกา ลงเป็นหมู่บ้านขึ้นกับเมืองมุกดาหาร กรมการเมือง ท้าวเพี้ยเก่า ๆ ได้พากันอพยพข้ามโขงไปอยู่เมืองคันธบุรี แขวงเมืองสุวรรณเขตของลาว บางพวกก็ขอรับราชการกับฝรั่งเศส บรรดาลูกหลานได้อพยพตามไปอยู่ฝั่งลาวเป็นจำนวนมาก จนที่ตั้งเมืองพาลุกกรภูมิเดิมกลายเป็นเมืองร้าง
(ข้อมูลจาก....http://www.mukdahanguide.com/name=knowledge&file=readknowledge&id=26)
(ข้อมูลจาก....http://www.mukdahanguide.com/name=knowledge&file=readknowledge&id=26)
Subscribe to:
Posts (Atom)